วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

TRON 1982


     TRON Legacy 2010 หนังเรื่องนี้ออกฉายมาได้ 3 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะได้ดูเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เป็นหนังที่ใช้ CG แพรวพราวสุดๆไม่มีกั๊ก ตัวหนังพูดถึงเด็กหนุ่มที่หลุดเข้าไปในโลกคอมพิวเตอร์ไปเจอพ่อของเค้าที่หายตัวไปในวัยที่เค้ายังเด็ก ทั้งคู่ต้องพยามดิ้นรนหาทางออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงให้ได้ เป็นหนังแนว Action Sci fi ที่มีการเดินเรื่องไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่มีศัพย์ทางเทคนิคเกี่ยวกับคอมฯมากไปนิด คนที่ไม่คุ้นเคยทางนี้อาจมึนได้
     เท่าที่ผมดูก็เป็นหนังที่สนุกใช้ได้ แต่ที่รู้สึกแปลกใจก็คือ ยังได้นักแสดงนำคนเก่าใน Tron ภาคแรกมาแสดงด้วย คือ Jeff Bridges แสดงเป็น "ฟลิน" และ Bruce Boxleitner แสดงเป็น "อลัน" เพื่อนสนิทของฟลิน ซึ่งทั้งคู่ก็กลับมารับบทเดิมที่เคยแสดงไว้

     หลังจากดูจบ ผมต้องมานั่งทบทวน Tron ภาค 1 ที่เคยดูในวัยเด็ก จำได้ว่าไปดูที่โรงหนังแถวบ้าน ค่า
ตั๋วหนังราคา 15 บาท ในตอนนั้นรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากกับหนังเรื่องนี้ พอหนังจบโรงหนังเปิดไฟ มีคนดูไม่เกิน 10 คน! นั้นหมายความว่ารอบนั้นเจ้าของโรงหนังกำไรป่นปี้เลย555 ก็ไม่แปลกหลอกที่ไม่ค่อยมีคนดู เพราะมีศัพย์ทางเทคนิคมากไปหน่อยและเป็นหนังไซไฟที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย สมัยนั้นคอมฯเครื่องหนึ่งราคาหลายหมื่นบาทจนเกือบแสน บ้านไหนไม่รวยจริงก็คงไม่ได้ครอบครอง เลยไม่น่าแปลกใจที่คนยุคนั้นส่วนใหญ่ไม่เข้าใจศัพย์ของคอมพิวเตอร์ จึงเป็นสาเหตุให้เจ้าของโรงหนังกำไรป่นปี้ :)


     ผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งคือ "มิติที่4" ฉบับที่ 26 เดือนสิงหาคม 2525 ได้นำเรื่อง Tron ภาค1 มาลง ผมขอคัดลองเกล็ดของหนังบางส่วนมาให้อ่านกัน
     "มนต์เสน่ห์เกี่ยวกับ "ตรอน" ก็คือสิ่งที่ผสมผสานกันระหว่างอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดคือ การสร้างภาพให้เคลื่อนไหวโดยคอมพิวเตอร์ และสิ่งที่โบราณเก่าแก่ที่สุดคือ เฟรมที่ระบายสีด้วยมือคน ฉากที่แสดงฉากหลังต้องประสบปัญหายุ่งยากมากมายทีเดียว ตัวแสดงถูกถ่ายลงบนฟิล์มขาว-ดำ  สวมใส่เครื่องแต่งกายสีดำ-ขาว โดยมีฉากสีดำ เนกาตีฟขนาด 70 มม. (ถ่ายด้วยกล้องซุปเปอร์พานาวิชั้นแบบเดียวกับที่ใช้ถ่ายเรื่อง ลอว์เรนซ์แห่งอาราเบีย) ถูกขยายใหญ่ และเติมลวดลาย, สี, แสงลงไปที่หลัง ซึ่งนั้นก็หมายความว่าแต่ละเฟรมใน 75,000 เฟรมต้องผ่านงานลักษณะนี้ แค่งานผลิตชิ้นสุดท้ายนี้อย่างเดียวก็ต้องใช้คนกว่า 500 คน รวมถึงนักวาด, ระบายสีจากไต้หวันจำนวน 200 คนด้วย ใช้เวลาร่วม 10 เดือน"
     แม่เจ้า!! สมัยก่อนเวลาสร้างหนังที่ต้องใช้ CG มันลำบากขนาดนี้เลย แต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะทันทีที่หนังออกฉายก็ได้รับการตอบรับอย่างดี ถึงตอนนี้แล้วเทคโนโลยีด้านภาพยนตร์ก้าวไปไกลจากเดิมมาก หนังหลายเรื่องในปัจจุบันแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าช่วงไหนของจริง ช่วงไหนเป็น CG ถึงแม้หนังเรื่องนั้นจะไม่ใช่แนวไซไฟก็ตาม เพราะฉะนั้น อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น! พ่อมดในฮอลลีวู้ดมีเวทมนต์มากกว่าที่เรานึก :D
     และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปี 2015 น่าจะได้ดู TRON 3 ตอนนี้ก็ได้แต่ร้องเพลงรออย่างเดียว