เท่าที่ผมดูก็เป็นหนังที่สนุกใช้ได้ แต่ที่รู้สึกแปลกใจก็คือ ยังได้นักแสดงนำคนเก่าใน Tron ภาคแรกมาแสดงด้วย คือ Jeff Bridges แสดงเป็น "ฟลิน" และ Bruce Boxleitner แสดงเป็น "อลัน" เพื่อนสนิทของฟลิน ซึ่งทั้งคู่ก็กลับมารับบทเดิมที่เคยแสดงไว้
หลังจากดูจบ ผมต้องมานั่งทบทวน Tron ภาค 1 ที่เคยดูในวัยเด็ก จำได้ว่าไปดูที่โรงหนังแถวบ้าน ค่า
ผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งคือ "มิติที่4" ฉบับที่ 26 เดือนสิงหาคม 2525 ได้นำเรื่อง Tron ภาค1 มาลง ผมขอคัดลองเกล็ดของหนังบางส่วนมาให้อ่านกัน
"มนต์เสน่ห์เกี่ยวกับ "ตรอน" ก็คือสิ่งที่ผสมผสานกันระหว่างอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดคือ การสร้างภาพให้เคลื่อนไหวโดยคอมพิวเตอร์ และสิ่งที่โบราณเก่าแก่ที่สุดคือ เฟรมที่ระบายสีด้วยมือคน ฉากที่แสดงฉากหลังต้องประสบปัญหายุ่งยากมากมายทีเดียว ตัวแสดงถูกถ่ายลงบนฟิล์มขาว-ดำ สวมใส่เครื่องแต่งกายสีดำ-ขาว โดยมีฉากสีดำ เนกาตีฟขนาด 70 มม. (ถ่ายด้วยกล้องซุปเปอร์พานาวิชั้นแบบเดียวกับที่ใช้ถ่ายเรื่อง ลอว์เรนซ์แห่งอาราเบีย) ถูกขยายใหญ่ และเติมลวดลาย, สี, แสงลงไปที่หลัง ซึ่งนั้นก็หมายความว่าแต่ละเฟรมใน 75,000 เฟรมต้องผ่านงานลักษณะนี้ แค่งานผลิตชิ้นสุดท้ายนี้อย่างเดียวก็ต้องใช้คนกว่า 500 คน รวมถึงนักวาด, ระบายสีจากไต้หวันจำนวน 200 คนด้วย ใช้เวลาร่วม 10 เดือน"
แม่เจ้า!! สมัยก่อนเวลาสร้างหนังที่ต้องใช้ CG มันลำบากขนาดนี้เลย แต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะทันทีที่หนังออกฉายก็ได้รับการตอบรับอย่างดี ถึงตอนนี้แล้วเทคโนโลยีด้านภาพยนตร์ก้าวไปไกลจากเดิมมาก หนังหลายเรื่องในปัจจุบันแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าช่วงไหนของจริง ช่วงไหนเป็น CG ถึงแม้หนังเรื่องนั้นจะไม่ใช่แนวไซไฟก็ตาม เพราะฉะนั้น อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น! พ่อมดในฮอลลีวู้ดมีเวทมนต์มากกว่าที่เรานึก :D
และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปี 2015 น่าจะได้ดู TRON 3 ตอนนี้ก็ได้แต่ร้องเพลงรออย่างเดียว


